ฤดูกาลนี้ เชลซี ภายใต้การคุมทีม ของกุนซือใหม่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ถูกคาดหมายว่า จะตกอยู่ ในสถานการณ์ที่ยากลำบา กในการคุมทัพ เป็นปีแรก หลังจากพวกเขา อยู่ภายใต้ทรัพยากร ที่มีอย่างจำกัด จากการถูกฟีฟ่า ตัดสินลงโทษแบน ห้ามลงทะเบียน นักเตะใหม่ เป็นเวลา 2 ช่วงตลาดซื้อ-ขาย จากการทำผิดกฏ ในการเซ็นสัญญา กับแข้งเยาวชน
ยิ่งไปกว่านั้น เชลซี ยังต้องเสีย แข้งซูเปอร์สตาร์ อย่าง เอแด็น อาซาร์ มิดฟิลด์ ทีมชาติเบลเยียม ให้กับ เรอัล มาดริด ในช่วงซัมเมอร์ ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นแกนหลัก ของทีม มาตลอดหลายปี ทำให้ขุม กำลังของพวกเขา ดูจะมีประสิทธิภาพ ที่ลดลง อย่างปฏิเสธไม่ได้
พอเริ่มฤดูกาล ได้ไม่ทันไร ทีมของ แลมพาร์ด ยังต้องมาเสีย แข้งคนสำคัญ ไปอีก โดยเฉพาะ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มิดฟิลด์ ทีมชาติฝรั่งเศส ที่มีอาการบาดเจ็บ รบกวน อย่างต่อเนื่อง จนได้ลงเล่น ในลีกเพียง 4 นัดเท่านั้น และ ทำได้ 2 ประตู อย่างไรก็ตาม หลังจากเกม ที่บุกถล่ม เซาธ์แฮมป์ตัน 4-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก แต่อีก 5 เกมถัดมา “สิงโตน้ำเงินคราม” ก็ยังรักษา ฟอร์มเก่งได้ ต่อเนื่อง เก็บชัยชนะได้ถึง 4 นัดทุกรายการ ซึ่งมันแสดง ให้เห็นว่า การขาดแข้งเลือดน้ำหอมไป แทบไม่ได้ส่งผล กระทบต่อทีมเลย
จากฟอร์มดังกล่าว สร้างเซอร์ไพรส์ ให้กับบรรดา แฟนบอล และ กูรูนักวิจารณ์ อย่างมาก ที่ออกมาชื่นชม ปรัชญาการทำทีมของ แลมพาร์ด แฟน ๆ ส่วนใหญ่ เชื่อว่าแข้งพลังหนุ่ม ในทีมคือ เหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ทีมโลดแล่น มาได้ขนาดนี้ แต่ถึงกระนั้น เหตุผลสำคัญ สำหรับความสมดุล ในทีม เชลซี เวลานี้คือ ฟอร์มการเล่น ของ จอร์จินโญ่ และ มัตเตโอ โควาซิช ที่สามารถ ยกระดับตัวเอง ขึ้นมาจนมาเติมเต็ม ช่องว่างที่ ก็องเต้ ทิ้งเอาไว้ได้ แบบหมดจด
มิดฟิลด์ ทีมชาติอิตาลี ได้รับหน้าที่ เป็นตัวตัดเกม ที่มีอิทธิพลต่อเกม มากที่สุดคนหนึ่ง หลังมีสถิติ สุดยอด แย่งบอลจากคู่แข่ง กลับมาได้ถึง 97 ครั้งมากกว่า วิลเฟร็ด เอ็นดีดี้ มิดฟิลด์จากเลสเตอร์ ซิตี้ ที่ทำได้ 89 ครั้ง พร้อมกับผ่านบอลสำเร็จ ไปแล้วถึง 677 ครั้งในซีซั่นนี้ รวมถึงสกัดบอล 20 ครั้ง และ มีอัตราเข้าปะทะ ชนะในการดวล ลูกกลางอากาศ 25 ครั้งมากสุด ในทีม
ขณะเดียวกัน โควาซิช คู่หู แดนกลางได้รับ หน้าที่ในการ เลี้ยงบอล ฝ่าแนวรับคู่ แข่งตามสไตล์ ของตัวเอง ซึ่งเขาก็ยังทำได้ อย่างยอดเยี่ยม โดยมีอัตรา ความสำเร็จในการ เลี้ยงบอลสูงสุด ในลีกที่ 85% จากความพยายาม ในการเลี้ยงบอล ทั้งหมด การครองบอล ของเขาใน ตำแหน่งกองกลาง และ ความพยายาม ที่จะเลี้ยงผ่าน คู่ต่อสู้ นั้นช่วยทำลาย กำแพงแนวรับ บรรดาทีม ที่พวกเขาต้องเจอ ได้ในฤดูกาลนี้
แม้ว่า มิดฟิลด์ ชาวโครแอต จะไม่มีสถิติ การเล่นเกมรับ ที่ยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับ จอร์จินโญ่ แต่การ มีส่วนร่วมในเกมรับ และ การเอาตัวรอด ของเขาทำได้ อย่างน่าประทับใจ
ทั้งสองคนอาจไม่ได้มีส่วนร่วมกับประตูที่เกิดขึ้นมากนัก แต่พวกเขาทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเติมเต็มซึ่งกันและกันได้ดีเพียงใด และเพิ่มความสมดุลที่จำเป็นให้กับทีมที่เต็มไปด้วยแข้งดาวรุ่งได้เป็นอย่างดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น