วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

ไร้พ่าย หงส์แดง ยึดจ่าฝูงไล่ถล่ม เรือใบสีฟ้า 3-1

ลิเวอร์พูล ยังเดินหน้าเก็บชัยชนิดยังไม่พ่ายทีมใดในลีกต่อไป หลังสยบแชมป์เก่า แมนฯซิตี้ แบบสนุก 3-1 เก็บสามแต้มยึดจ่าฝูงต่อไปมี 34 แต้มหลังแข่ง 12 นัด หนี เลสเตอร์ อันดับ 2 เป็น 8 คะแนน ส่วน “เรือใบสีฟ้า” แพ้เกมที่ 3 รั้งอันดับ 4 ตามจิ้งจอกและเชลซีแต้มเดียว ในศึกบิ๊กแมตช์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สนาม: แอนฟิลด์ 
เกมนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้ทีมที่ดีที่สุดลงสนามสามประสานอันตรายังเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ ขณะที่ฝั่งของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังมีปัญหาแนวรับ แถมยังขาด ดาบิด ซิลบา ที่เจ็บแนวรุกฝากทีเด็ดไว้ที่
เปิดฉากครึ่งแรก มาได้แค่ 6 นาที กลายเป็น “หงส์แดง” ที่ชิงขึ้นนำไปก่อน 1-0 บอลสวนกลับเร็วของเจ้าถิ่นป้ายมาทางซ้ายให้ มาเน่ กระชากถึงเส้นหลังแล้วปาดเข้ากลาง อิลคาย กุนโดกัน เคลียร์บอลไม่ขาดมาเข้าทาง ฟาบินโญ่ ต้องป้อมยิงกว่า 22 หลาบอลพุ่งแรงหนีมือ บราโว่ เสียบมุมเข้าไปอย่างสวยงาม “เรือใบ” หวังจะทวงคืนเช่นกัน นาที 9 เควิน เดอ บรอยน์ ครอสบอลมาให้ ราฮีม สเตอร์ลิง ขึ้นโขกแต่บอลหลุดกรอบออกไป
นาที 13 แฟนบอล “เดอะ ค็อป” เฮกันลั่นต่อเนื่อง เมื่อทีมรักนำห่างเป็น 2-0 บอลจากด้านซ้ายอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็น แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ครอสเร็วไปหน้าประตูบอลตกข้าม แฟร์นันดินโญ่ ก่อนจะมาเข้าหัว โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โขกย้อนไปหนีมือ เคลาดิโอ บราโว่ เข้าไป เป็นประตูที่ 6 ในซีซั่นนี้ของดาวยิงเลือดอียิปต์ เกมรุกของหงส์แดงยังได้เสียวอีก นาที 22 ซาดิโอ มาเน่ ผ่านบอลให้ จอร์จินโย่ ไวนัลดุม หวดด้วยขวาบอลไปโดนแฟร์นันดินโญ่หลุดกรอบออกไป
อีกสองนาทีถัดมา ทัพเรือใบได้ส่องเข้ากรอบเป็นหนแรก เซร์คิโอ อเกวโร่ แต่งบอลในกรอบแล้วตะบันเต็มข้อบอลพุ่งไปเสาไกลแต่ยังดีที่ อลีสซง เบ็คเกอร์ พุ่งปัดไว้ได้แนวรุกของซิตี้ไม่ท้อ เดินหน้ารุกต่อเนื่อง นาที 29 ใกล้เคียงจะได้ลูกตีไข่แตก อันเจลิโน่ รับบอลจาก เดอ บรอยน์ ก่อนอัดด้วยซ้ายไปแฉลบ ฟาน ไดค์ ก่อนชนเสาไกลอย่างน่าเสียดาย นาที 35  โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เก็บตกแถวสองได้แตะจังหวะจิ้มด้วยขวาบอลเหินคานออกไป สามนาทีถัดมาดาวยิงบราซิเลี่ยนได้ลุ้นอีก
รับบอลจาก เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แต่กดด้วยซ้ายไม่ผ่านมือ เคลาดิโอ บราโว่ นาที 41 “เรือใบสีฟ้า” พลาดโอกาสตีไข่แตกอีก จังหวะโต้กลับเร็วของซิตี้ เควิน เดอ บรอยน์ แทงบอลให้ เซร์คิโอ อเกวโร่ ไม่ล้ำหน้าลุ้นเข้าไปซัดด้วยซ้ายบอลพุ่งถากเสาออกหลัง เข้าสู่ช่วงทดเจ็บ นาที 45+1 ฟีร์มีโน่ ปาดเลียดเข้ากลางมาให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ วิ่งมายิงด้วยซ้ายไม่จับแต่บอลเบาไปเข้ามือ เคลาดิโอ บราโว่ กระโดดเซฟก่อนพุ่งรับไว้ได้
จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0
ครึ่งหลัง มาถึง นาที 50 สกอร์ของเจ้าถิ่นนำโด่งเป็น 3-0 อย่างเหลือเชื่อ จากจังหวะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กระชากบอลขึ้นทางขวาแล้วครอสไปเสาไกลให้ ซาดิโอ มาเน่ พุ่งมาโขก บอลติดปลายมือ บราโว่ แต่ปัดไปชนเสากระดอนเข้าประตูไป นาที 53 สเตอร์ลิง เลี้ยงตัดเข้ากลางแหวกแนวรับหงส์แดง 4 คน แต่จังหวะสุดท้ายซัดด้วยขวาหน้ากรอบยังไปติดขา เดยัน ลอฟเรน นาที 79 ทีมเยือนไล่ตีไข่แตกได้สำเร็จไล่เจ้าถิ่นมา 1-3 จากจังหวะครอสเข้าไปของ อังเจลิโน่ บอลถึง แบร์นาโด้ ซิลวา หวดเร็วด้วยซ้ายบอลเช็ดโคนเสาเข้าไปอย่างเฉียบขาด ช่วงเวลาที่เหลือ ทีมเยือนทวงประตูคืนไม่สำเร็จ
จบเกม ลิเวอร์พูล เปิดบ้านถลุงแชมป์เก่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-1 คว้าสามแต้มนำจ่าฝูงต่อไป โดยหนีรองจ่าฝูง เลสเตอร์ 8 คะแนน ขณะที่ “เรือใบสีฟ้า” แพ้เป็นเกมที่ 3 ของลีก หล่นมาอยู่อันดับ 4 

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เดยัน ลอฟเรน, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (เจมส์ มิลเนอร์  น.60), ฟาบินโญ่, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (โจ โกเมซ น.88), โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ (อเล็กซ์ อ็อกเลด-แชมเบอร์เลน น.79), ซาดิโอ มาเน่
ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-3-3) : เคลาดิโอ บราโว่, ไคล์ วอล์คเกอร์, แฟร์นันดินโญ่, จอห์น สโตนส์, อังเคลรินโญ่,  เควิน เดอ บรอยน์, โรดรี้, อิลคาย กุนโดกัน, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, เซร์คิโอ อเกวโร่ “กุน” (กาเบรียล เชซุส น.71) , ราฮีม สเตอร์ลิง
ผู้จัดการทีม : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น